ทำไมราคาทองคำยังไปต่อ

นี่คือ เหตุผล สำคัญ ว่า ทำไมราคาทองคำ ยังไปต่อ

เพื่อนๆก็ทราบแล้วว่า ราคาทองคําได้ทะลุจุดสูงสุดใหม่ในปีนี้…ตามที่ผมบอกเพื่อนๆเมื่อเดือนที่แล้ว แต่มันยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ราคาทองคำยังไปต่อครับ ราคาทองคําเพิ่มขึ้นประมาณ 12% ตั้งแต่ต้นปี 2024 นั่นแซงหน้า Nasdaq Composite Index ที่ขึ้นประมาณ 8% year-to-date ก็เป็นที่แน่นอนว่าการขึ้นครั้งใหญ่ของทองคําในปีนี้นั้นนำมาซึ่งความประทับใจจริงมั๊ย แต่มันน่าทึ่งเป็นพิเศษอีกก็ คือ เพราะทองคํากําลังเพิ่มขึ้นเมื่อเผชิญกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นด้วย สำหรับคนไทย..น่าเศร้าครับ เพราะเงินบาทอ่อนตัว ….

โดยปกติเรามักจะเห็นว่าทองคําและดอลลาร์ มักจะเดินในทางตรงกันข้าม โดยผู้คนมักจะแห่กันไปซื้อทองคําในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง หรือเช่นเดียวกับในปี 2020 อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ ผลตอบแทนที่ต่ำของดอลลาร์สหรัฐเพิ่มความน่าสนใจของทองคําซึ่งไม่ให้ผลตอบแทนอะไรเลย และ เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ความน่าดึงดูดใจของการถือครองทองคําก็ลดลงในขณะที่การโยกเงินไปยังพันธบัตรซึ่งเป็นเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้น ในกรณีนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น

ดังนั้นในอดีตทองคําจึงอ่อนค่าลงเมื่อดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า เพื่อนๆสามารถดูสิ่งที่ฉันหมายถึงในแผนภูมิด้านล่างเปรียบเทียบราคาทองคํากับสหรัฐฯ ดัชนีดอลลาร์ (“DXY”)…แต่ปีนี้ผมว่ามันมีอะไรแปลกๆนะครับ มันมีบางอย่างเกิดขึ้นในปี 2024 ดอลลาร์ยังคงค่อนข้างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงิน สาเหตุส่วนใหญ่มาจากข้อเท็จจริงที่ว่าอัตราดอกเบี้ยยังคงสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2001 ในขณะเดียวกันทองคําก็ทําสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์มากกว่า 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและทองคําจะแข็งแกร่งได้อย่างไร? เหตุผลสําคัญคือ จีน.. เพื่อนๆต้องจำไว้นะครับ ว่า  จีนเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ประชากรชนชั้นกลางมากกว่าขนาดของประชากรสหรัฐทั้งหมด หรือ อีกหลายๆประเทศ และที่สําคัญกว่านั้นชาวจีนเป็นผู้บริโภคทองคํารายใหญ่ที่สุดของโลกอยู่แล้ว พวกเขาซื้อ 825 ตันในปี 2022 และ 1,090 ตันในปี 2023 ในทางกลับกันประเทศอื่นๆ กลับบริโภคเพียงหนึ่งในสี่ของจํานวนนั้น

และในปีนี้ชาวจีนมีแนวโน้มที่จะซื้อทองคํามากขึ้นอย่างมีนัยสําคัญ เพราะอะไรหรือครับ นั่นเป็นเพราะว่าธนาคารประชาชนจีน (“PBOC”) ธนาคารกลางของประเทศคาดว่าจะเริ่มซื้อพันธบัตรคลังของตัวเองในไม่ช้า เช่นเดียวกับที่ธนาคารกลางสหรัฐปล่อยการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (“QE”) หลังจากวิกฤตการเงินโลก และ ที่ผมว่ามันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำขึ้นไปทำ new high อยู่หลายวันติดต่อกันครับ นี่จะเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองทศวรรษที่ PBOC เข้ามาแทรกแซงในตลาดคลัง ผมขอย้ำนะครับว่านี่เป็นครั้งแรกที่ธนาคารกลางจีนเข้าแทรกแซงตลาด …..

เพื่อนๆครับ อัตราดอกเบี้ยมาตรฐานของจีน (เรียกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หนึ่งปี) ลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา… แต่สิ่งนี้ไม่สามารถให้เศรษฐกิจของประเทศได้รับแรงกระตุ้นที่จําเป็นในการฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์จากการตกต่ำของทรัพย์สินในอดีตและการบริโภคภายในประเทศที่ชะลอตัว และรัฐบาลจีนเริ่มหมดหวังมากขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าจะบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจซึ่งรวมถึงการจัดหางานให้กับผู้สําเร็จการศึกษาใหม่ประมาณ 10 ล้านคนในแต่ละปี

รัฐบาลจีนตั้งเป้าหมายการเติบโตของ GDP ประมาณ 5% ในปีนี้ แต่เมื่อพิจารณาจากวิธีที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงติดอยู่กับดัก จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่จีนแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ หากไม่มี QE ที่ช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับมายืนหยัดได้เหมือนเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ดังนั้นการซื้อหลักทรัพย์คลังของตัวเองเพื่อผลักดันอัตราดอกเบี้ยลงไม่ได้รับประกันว่าจะช่วยให้รัฐบาลจีนบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจ แต่อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจะทําให้ทองคําน่าดึงดูดใจสําหรับผู้คนนับล้านในประเทศจีนครับ ดังนั้นชาวจีนไม่สนใจว่าดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าแค่ไหน เพราะคนจีนธรรมดาไม่สามารถซื้อเงินตราต่างประเทศได้อย่างง่ายดาย แต่พวกเขาสามารถซื้อทองคําได้ครับ 

สิ่งนี้ช่วยอธิบายได้ว่าทําไมทองคํายังคงไต่ราคาขึ้นเมื่อเผชิญกับดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า และเมื่อพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจจีนในปัจจุบัน สิ่งนี้น่าจะช่วยให้ทองคําขยับสูงขึ้นต่อไป

ผมฟันธงชัดๆนะครับว่า ทองคำ ยังขึ้นต่อไป …. แต่อีกนัยหนึ่ง สีนามิการเงินการคลังที่ใหญ่มากกำลังจะตามมา เพื่อนๆหาที่มั่นเกาะกันให้ดีนะครับ ผมเตือนเพื่อนๆแล้วนะครับ

กิตติ ปิณฑวิรุจน์​  / เขียนบทความ

แบ่งปันบทความนี้