ความเหมือนที่แตกต่างระหว่างประเทศไทย และ ญี่ปุ่น

ความเหมือนที่แตกต่างระหว่างประเทศไทย และ ญี่ปุ่น

เวลาผ่านมาไม่น้อยกว่า 35 ปี ในที่สุดตลาดหุ้นญี่ปุ่นก็แตะระดับสูงสุดใหม่ตลอดกาล..ในปีนี้ ดัชนี Nikkei 225 ซึ่งทําหน้าที่คล้ายกับดัชนี S&P 500 ในเวอร์ชันของญี่ปุ่น สิ้นสุดที่ 40,369.44 ในวันศุกร์ที่ผ่าน โดยกลับไปอยู่ในจุดสูงสุด ซึ่งเคยทำไว้ ที่ 38,915.87  เมื่อปี 1989   หรือหากจะพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ตลาดหุ้นของญี่ปุ่นค่อนข้างซบเซาในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมาครับ 

ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่วันแห่งความรุ่งโรจน์ก็เริ่มจางหายไป นอกจากนั้นตลาดหุ้นที่ซึบเซามานาน ญี่ปุ่นถือเป็นหนึ่งประเทศที่มีประชากรที่แก่เร็วที่สุดอีกด้วย มากกว่า 1 ใน 10 คนมีอายุ 80 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ประเทศนี้ยังมีอัตราการเจริญพันธุ์ต่ำที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จํานวนบุตรที่ผู้หญิงให้กําเนิดในช่วงชีวิตของเธอลดลงจากประมาณ 1.6 ในปี 1989 เหลือน้อยกว่า 1.3 โดยเฉลี่ยในปัจจุบัน

ตามรายงานของ Recruit Works Institute ประเทศใกล้จะขาดแคลนแรงงานจํานวนมาก ประชากรสูงอายุของญี่ปุ่น(ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป) ถูกกําหนดให้ถึงจุดสูงสุดในปี 2042 ในขณะเดียวกันประชากรวัยทํางานกําลังลดลงอย่างรวดเร็ว สถาบันประเมินว่าญี่ปุ่นจะขาดแคลนคนงาน 11 ล้านคนภายในปี 2040 เพื่อนๆคิดว่าประเทศไทยมีส่วนที่คล้ายกับประเทศญี่ปุ่นมั๊ย…สำหรับผมผมคิดว่ามีส่วนคล้ายคลึงมากครับ แต่ก็แตกต่างในหลายด้านด้วย 

น่าเสียดายที่เศรษฐกิจของญี่ปุ่นรู้สึกถึงผลกระทบของการขาดแคลนนั้นแล้วในวันนี้ ภาคส่วนที่สําคัญ เช่น การพยาบาล การขนส่ง และแม้แต่การศึกษาก็ล้าหลัง อย่างหนึ่งที่ผมอยากจะพูดถึง ญี่ปุ่นกําลังแข่งขันกันเพื่อแก้ปัญหาด้านประชากรศาสตร์ด้วยวิธีใหม่และสร้างสรรค์…ในจำนวนนี้มีบริษัทหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งกำลังจะมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ ความผิดปกติของตลาดที่หายากนี้ทําให้บริษัทหนึ่งมีมูลค่าพุ่งขึ้น 275% ในเวลาเพียงสองสัปดาห์…และอีกบริษัทหนึ่งพุ่งสูงขึ้น 170% ในวันซื้อขายเดียว เพื่อนๆคงต้องถามผมแล้วใช่ไหม มันคืออะไรหรือ และมันเกี่ยวอะไรกับ “The Magnificent Seven” หรือการเลือกตั้งประธานาธิบดี…หรือ เปล่า และไม่เกี่ยวข้องกับตัวเลือกการซื้อขายบิตคอยน์ สิ่งนี้มีผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงสองคนเชื่อว่า นี่อาจเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ที่ “ไม่มีสมอง” ที่ใหญ่ที่สุดในปี 2024  สิ่งที่ผมกำลังจะบอก คือ ญี่ปุ่นกําลังแทนที่คนงานด้วยหุ่นยนต์และ “อวตาร”… นี้เป็นการเคลื่อนไหวที่สำคัญ และเกิดขึ้นในภาคส่วนสําคัญต่างๆ เช่น การก่อสร้าง การเกษตร และยานยนต์  หุ่นยนต์กําลังทําให้กระบวนการประกอบในโรงงานเป็นไปโดยอัตโนมัติ… ดูแลและเก็บเกี่ยวนาข้าว…หรือแม้แต่ช่วยเคลื่อนย้ายยานพาหนะไปรอบๆ  และด้วยการเติบโตของ AI พวกเขากําลังแทนที่งานในการบริการลูกค้า…ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งในโตเกียวใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า “อวตาร” เพื่อทักทายลูกค้าและให้คําแนะนําเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่จะซื้อ อวาตารจะแสดงบนหน้าจอขนาด 4 ฟุตและดําเนินการโดยพนักงานระยะไกล ในที่สุด ร้านค้าก็วางแผนที่จะให้คนคนหนึ่งควบคุมอวตารหลายตัวพร้อมกัน นั่นทําให้การจัดหาพนักงานกะกลางคืนและการดําเนินงานในชนบทง่ายขึ้นมาก

บริษัทญี่ปุ่นกําลังดิ้นรนเพื่อลงทุนในเทคโนโลยีนี้ – และพวกเขาไม่ได้อยู่คนเดียว…หลายประเทศในเอเชีย รวมทั้งประเทศไทยก็กําลังดิ้นรนกับการขาดแคลนแรงงานและประชากรสูงอายุ ตัวอย่างเช่น ประชากรของจีนกําลังแก่ตัวลงอย่างรวดเร็วหลังจาก “นโยบายลูกคนเดียว” หลายปี และเกาหลีใต้ซึ่งมีอัตราการเกิดต่ำที่สุดในโลก คาดว่าจะกลายเป็นประชากรที่ “มีอายุมากที่สุด” ภายในปี 2044

แต่ความแตกต่างระหว่างประเทศไทย กับ ประเทศญี่ปุ่น คือ ประเทศญี่ปุ่นเขาคิดและทำ แต่ประเทศไทยแค่คิดก็ยังไม่ได้คิด อย่าพูดถึง “ทำ”เลยครับ นั่นคือความแตกต่าง ประเทศไทยรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น แต่ไม่คิดป้องกันหรือแก้ไขครับ 

ในขณะที่แนวโน้มนี้ยังคงดําเนินต่อไป บริษัทที่ทํางานเกี่ยวกับหุ่นยนต์และอวตารจะได้รับประโยชน์ Rockwell Automation (ROK) เป็นตัวอย่างที่ดี…เป็นหนึ่งในบริษัทหุ่นยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเชี่ยวชาญด้านเครื่องจักรและหุ่นยนต์ที่ทําให้กระบวนการทางอุตสาหกรรมเป็นไปโดยอัตโนมัติผลิตภัณฑ์ของบริษัท คือ สิ่งที่ประเทศอย่างญี่ปุ่นพึ่งพาเมื่อพนักงานมีอายุมากขึ้น อันที่จริง Rockwell ได้รับรายได้ประมาณ 15% จากเอเชีย ในช่วงแปดปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนจากสินทรัพย์ Uniform ของ Rockwell (“ROA”) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากระดับที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว Uniform ROA เพิ่มขึ้นจากประมาณ 22% ในปี 2559 เป็น 27% ในปี 2566 ในขณะที่ประเทศอย่างญี่ปุ่นยังคงลงทุนในระบบอัตโนมัติ Uniform ROA ของ Rockwell ควรขยายตัวต่อไป และถึงกระนั้น ตลาดก็เพิ่งกําหนดราคา Uniform ROA ให้ค่อนข้างราบเรียบจากที่นี่ หากเพื่อนๆเป็นนักลงทุนระยะยาว ผมว่าเพื่อนๆคงไม่มองข้ามกระแสลมที่อยู่เบื้องหลังแนวโน้มระบบอัตโนมัติโดยสิ้นเชิง ทุกคนกําลังยุ่งอยู่กับการให้ความสนใจกับการเล่น AI ขนาดใหญ่…และมองข้ามบริษัทอย่าง Rockwell ที่อยู่ในตําแหน่งเพื่อผลกําไรมหาศาล  มันเป็นเพียงเรื่องของเวลา ก่อนที่โอกาสอันยิ่งใหญ่จะมาครับ 

ผมไม่ใช่แนะนำแค่บริษัท Rockwell  Tesla ก็เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่เด่นในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามผมกำลังแนะนำว่าเพื่อนๆต้องไม่ลืมถึงความสำคัญของเทคโนโลยีที่จำเป็นนี้ ในอนาคตที่หลายประเทศต้องการมาก

กิตติ ปิณฑวิรุจน์​  / เขียนบทความ

แบ่งปันบทความนี้